ออกแล้วแช่อร์ด่วน ! โด่ง อรรถชัย สวนกลับคุณหมอ ดราม่าปมฐปณีย์ ถามทำไมเซลฟี่ในห้องผ่าตัด
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ เฟซบุ๊ก อรรถชัย อนันตเมฆ ของนายอรรถชัย อนันตเมฆ หรือโด่ง อดีตนักแสดง มีการโพสต์ข้อความถึงกรณีที่มีคุณหมอท่านหนึ่ง โพสต์ถึง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวช่อง 3 กรณีโรฮีนจา ว่า หมอไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมสวนกลับทำไมไม่ไปรักษาเด็กที่ยะลา พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมถามทำไมหมอถึงเซลฟี่ในห้องผ่าตัดได้
สำหรับข้อความทั้งหมด มีดังนี้
ในคำพูดที่ดูดี ดูมีความคิด ของคุณหมอ หากพิจารณาจริงๆ จะเห็นว่าคุณหมอไม่เข้าใจ ในหลายเรื่อง
หมอไม่เข้าใจว่า นักข่าว ต่างจาก คนทำสารคดีอย่างไร
นักข่าว ทำงานตามเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ..เลือกไม่ได้ นักข่าวต่างจากคนทำสารคดี ที่จะมีการตั้งท๊อปปิก แล้วเลือกเคส ที่ดีดี่สุดในการทำงาน
ความจริงก็ ไม่ต่างจากหมอ ...
หากผมจะตั้งคำถามกับหมอบ้างว่า น่าจะไปรักษาคนโดนระเบิดที่ใต้ก่อน ที่จะรักษา เด็กเป็นหวัดที่ หนองคาย ...หมอจะว่าไง ...
เวลารักษาคน หมอ สำรวจก่อนไหมว่าคนทั้งประเทศมีใครเป็นอะไรที่ไหนบ้าง ใครมีอาการอย่างไร เสร็จ แล้วค่อย เลือกว่าจะต้องวิ่งรักษา คนเป็นมะเร็งที่เชียงใหม่ ก่อน แล้วค่อยไปรักษาคน เป้นหวัดที่กรุงเทพ หมอทำแบบนั้นป่าว...
หมอก็รักษาไปตามเคสที่เข้ามาอย่างดีที่สุดใช่ไหม ..?? แล้วเอาเรื่องแบบนี้มาเปรียบกับฐปณีย์ ทำไม
นอกจานี้ หมอก็ ยังอาจแยกไม่ถูก อีกว่า นักข่าว กับ พีอาร์ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร
หมอเข้าใจหรือไม่ว่าอาชีพนักข่าว มีหน่าที่นำเสนอความจริงในทุกด้าน ไม่ว่าด้านลบหรือบวก เพื่อนำข้อมูลไปเสนอต่อประชาชนทั้งประเทศ ที่ จะต้องมีส่วนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในประเทศ หรือในโลก
ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธื์ ที่จะรู้ความจริง เพราะเขาคือเจ้าของประเทศ นั่นคือหน้าที่ ของนักข่าว ...ไม่ใช่พีอาร์ ที่จะมีหน้าที่สร้างภาพให้ใคร
ในมุมของความเป็นคนไทย ผมชอบ ..ที่ฐปนีย์จะบอกว่า ประเทศของผมไม่ดีตรงไหน ผมคิดว่า เพื่อนแท้มีหน้าที่จะต้องบอกสิ่งที่บกพร่อง ไม่ดี ของเรา ไม่ใช่ เพื่อนที่ คอยแต่ป้อยอ เพราะอยากให้เราชอบพอ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ส่วนตัว ผมไม่ชอบ ที่เมืองไทยจะดูดีแค่เปลือกผมอยากเห็นเมืองไทยยืนอยู่บนหลักการณ์ สากล อย่าสง่างาม
ผมยอมที่จะรับคำตำหนิจากทั่วโลก หากมันจะเป็นความจริงที่ มีประโยชน์ และสามารถจะนำไปสู่กันพัฒนา แก้ไข ที่ไทยจะดีกว่าได้ในอนาคต
ผมเชื่อว่า ถึงเวลา หมอก็คงเลือกที่จะบอก คนไข้ว่าเป็นมะเร็งเพื่อ ที่จะรักษา มากกว่าเก็บเอาไว้ ใช่ไหม ความจริงมันก็ ต่างกับ ฐปณีย์แค่ตรงที่ว่า หมอบอกแค่คนคนเดียว สามารถกระซิบบอกได้ แต่ ฐปนีย์ ต้องบอกคนทั้งชาติ คงจะเดินไปกระซิบ ไม่ให้ใครได้ยินทีละคน ทั้ง 60 ล้านคงเป็นไปได้ยาก คงต้องยอมให้คนทั้งโลกรู้ ดีกว่าปล่อยให้ไทยเป็นมะเร็งต่อไป ...
ในมุมนี้ ผมถือว่า ฐปณีย์ คือเพื่อนแท้ ของคนไทย ..
มากกว่านั้น ผมอยากให้หมอเปิดวิสัยทัศน์ ให้กว้างกว่า กะลาใบที่เราอยู่กันอีกนิด
อาชีพนักข่าว มีการปกป้อง โดยยกให้เป็นฐานันดร 4 ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำไม ....
เพราะโลกได้บทเรียนจาก ชีวิตคนเป็นล้านๆ ในสงครามครั้งนั้น โยเฉพาะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว
นักข่าวถูกยกให้เป็นอาชีพ ที่ต้องปกป้อง จากรัฐบาลทุกชาติ เพื่อเป็นกระบอกเสียง มีหน้าที่นำเสนอความจริง ถ่วงดุลย์ การโฆษณาชวนเชื่อของฟาสซิสต์ ที่เคยเกิดขึ้น (ฟาสซิสต์ เชื่อในเรื่องการโฆษศณาชวนเชื่อที่ต้องปิดบังความเลว และ พูดแต่ความดี จนคนเพ้อหลง ขาดสติ นำไปสู่การออกมาเข่นฆ่ากันเพื่อท่านผู้นำฟาสซิสต์) พวกเขามีความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ต่อชาติใดชาติหนึ่ง แต่ มีต้องมีหน้าที่ ต่อ มวลมนุษยชาติทั้งโลกใบนี้
สงครามโลกครั้งที่ 2 มันทำให้ เราได้บทเรียน และข้ามเส้นจาก มนุษย์ชนเผ่า (ที่ต่อมาพัฒนามาเป็นลัทธิชาตินิยม) สู่ คำว่า มวลมนุษยชาติ ...
เราตื่นรู้ความจริง และ ค้นพบว่า คำว่า "ชาติ" ที่หมอพูดถึง เป็นแค่ คำระบุความแตกต่างของสายพันธุ์มนุษย์ มิได้แยกเราออกจากกันอย่างที่ ฟาสซิสต์ พยายามโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อประโยชน์ ในการปกครอง
เราเจริญมากพอแล้วทีจะเข้าใจได้ว่า ไม่ว่ามนุษย์สายพันธ์ไหน เราก็คือเผ่าพันธ์มนุษย์เดียวกันทั้งโลก
เราได้บทเรียนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ว่า การแบ่งชาติ บูชาสายพันธ์ ...คือสาเหตุของการ ลุกขึ้นมา ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ผู้อื่น ทั้งที่เราเป็นมนุษย์ เหมือนกัน
เรามีสติ แล้วว่า พรมแดนประเทศ เป็นแค่ เส้นสมมุติ ที่ทำขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการคน
เราเรียนรู้ว่า การปลุกระดมให้คลั่งชาติมีประโยชน์ ต่อผู้ปกครองในระบบ ฟาสซิสต์ ไม่ใช่ มวลมนุษย์ ส่วนใหญ่ เราจึงได้เห็นปัจจุบัน มนุษย์ เข้าสู่ยุคพึ่งพา เริ่มละลายพรหมแดน คบค้ากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป หรือ เออีซีที่กำลังจะเกิดขึ้น
และหากมองให้กว้างกว่าที่เห็น คุณหมอจะเห็นว่า ปัญหาโรฮิงญา ที่มันกระทบไปถึงหลายชาติ นั้นมันเกิดเพราะ พม่า มีความคิดแบ่งชาติ เผ่าพันธ์ นั่นเอง ..
เห็นไหม ว่า แค่เรื่องนี้ กระทบไปจนเดือดร้อนกันหลายประเทศ ...มองให้หว้างจริง ๆ เราไม่มีวันปฎิเสธปัญหา ด้วยคำโกหกไปได้เลย
สุดท้าย จากที่คุณหมอเล่าว่าคุณหมอทำ มันทำให้ผมสับสน ...
มันย้อนแย้งกับสิ่งที่หมอพูดถึงฐปนีย์
ที่คุณหมอหมอรักษาเด็กชาติอื่นด้วยจิตใจดี ไม่แบ่งแยก และ มองเห็นชีวิตคนสำคัญกว่าเงิน นั้นประเสริฐมาก แต่ หากทำด้วยความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดมา หากทำจาก สามัญสำนึกแห่งมนุษยธรรมที่มาจากก้นบึ้งของจิตใจ ..
แล้วทำไม หมอจึงไม่เข้าใจ ฐปนีย์
ทั้งที่หมอและ ฐปนีย์ ทำเพื่อ มนุษยธรรมทั้งสองคน
อ้อ สุดท้ายจริง ๆ ผมไม่เข้าใจอีกเรื่อง คือ ...
จากที่หมอพูด มันดูเหมือนว่า หมอสนใจที่จะรักษาคนมาก
แต่ ทำไม หมอยังยังมีกระจิตกระใจ เซลฟี่ ตัวเองในห้องผ่าตัด ด้วย
ทำได้ไงครับ ผมงง